นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลไม่มีนโยบายนำเข้าสุกรจากต่างประเทศ ถือว่าถูกต้อง เนื่องจากปริมาณเนื้อหมูในประเทศมีเพียงพอกับความต้องการ ประกอบกับราคาสุกรลดลงแล้วทั้งหน้าฟาร์มและหน้าเขียง จากการปฏิบัติการของภาครัฐที่เข้าแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ถูกจุด คาดว่าสถานการณ์ราคาจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเร็วๆ นี้
“สถานการณ์ราคาสุกรในขณะนี้อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามกลไกตลาด ปริมาณผลผลิตสุกรกลับมาสมดุลกับการบริโภค โดยก่อนหน้านี้ผู้เลี้ยงได้มีมติร่วมกันดูแลระดับราคาสุกรหน้าฟาร์มตั้งแต่ต้นปี 65 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภค ล่าสุด ราคาสุกรขุนมีชีวิตหน้าฟาร์มเกษตรกรโดยรวมปรับมาอยู่ที่ 94-97 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงอยู่ที่ 94.69 บาทต่อกิโลกรัม” นายสิทธิพันธ์ กล่าว
นายสิทธิพันธ์ กล่าวต่อว่า ต้องการให้ภาครัฐเร่งพิจารณามาตรการช่วยเหลือภาคผู้เลี้ยง โดยเฉพาะในส่วนของต้นทุนการเลี้ยง อย่างวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดเคลื่อนไหวในช่วง 10.50-11.00 บาทต่อกิโลกรัม ขณะเดียวกัน กากถั่วเหลืองที่ไทยต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ก็มีราคาเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุดมีราคาที่ 20.85 บาทต่อกิโลกรัม หากภาครัฐพิจารณาช่วยลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 2% ให้เป็น 0% รวมทั้งสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนเพื่อลดความเสียหายจากโรคในสุกร และสนับสนุนให้ผู้เลี้ยงสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยต่ำ จะช่วยลดต้นทุนการเลี้ยงสุกรได้ และเป็นอีกแรงผลักดันให้เกษตรกรทั้งรายย่อย-รายเล็กกลับเข้าในระบบได้เร็วขึ้น
นอกจากนี้ กลุ่มผู้เลี้ยงได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ ช่วยกันจัดอบรมถ่ายทอดความรู้การบริหารจัดการฟาร์มและการป้องกันโรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อสนับสนุนเกษตรกรให้สามารถยกระดับความปลอดภัยทางชีวภาพในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ช่วยให้มีสุกรป้อนเข้าสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง